หลักการใช้ Verb to be
1. Verb to be ทำหน้าที่เป็นกริยาหลัก (Main Verbs)
Verb to be ที่ทำเป็นกริยาหลักจะทำหน้าที่เชื่อมคำหรือกลุ่มคำที่เป็นประธานที่อยู่หน้าข้างหน้าเข้ากับคำหรือกลุ่มคำที่อยู่ด้านหลัง โดยให้ความหมายว่า เป็น, อยู่, คือ เช่น
I am Sarah. (ฉันคือซาร่า)
My mom is a teacher. (แม่ของฉันเป็นครู)
She is very beautiful. (เธอสวยมาก ๆ)
We were in the office last night. (พวกเราอยู่ที่ออฟฟิศเมื่อคืนนี้)
2. Verb to be ทำหน้าที่เป็นกริยาช่วย (Auxiliary Verbs)
Verb to be ทำหน้าที่เป็นกริยาช่วยเพื่อช่วยให้ประโยคสมบูรณ์ขึ้น ในกรณีต่าง ๆ ดังนี้
2.1. ใช้เป็นกริยาช่วยในประโยค Continuous tense เพื่อแสดงว่า “กำลังทำ...” เช่น
Nid is eating a sandwich. (นิดกำลังกินแซนด์วิช)
eating เป็นกริยาหลัก, is เป็นกริยาช่วย
Jack and I are watching a movie. (ฉันกับแจ็คกำลังดูหนัง)
watching เป็นกริยาหลัก, are เป็นกริยาช่วย
2.2. ใช้ในโครงสร้างประโยค Passive Voice (ประโยคถูกกระทำ) โครงสร้าง S + Verb to be + V.3 เช่น
A house is built by father. (บ้านถูกสร้างโดยพ่อ)
I was given the letter by him. (ฉันถูกให้จดหมายโดยเขา)
เมื่อทำเป็นประโยคปฏิเสธก็ใส่ not หลัง Verb to be ได้เลย เช่น
My phone wasn’t fixed yesterday. (โทรศัพท์ของฉันไม่ได้ถูกซ่อมเมื่อวานนี้)
2.3. ใช้ Verb to be วางหน้าคำกริยา infinitive with to จะให้ความหมายว่า “จะ, จะต้อง” เช่น
You’re to get better marks next time. (ในครั้งหน้าคุณจะต้องได้คะแนนที่ดีกว่า)
I’m to work in Tokyo next year. (ฉันจะไปทำงานที่โตเกียวปีหน้า)